คนจนมันแพง เรื่องนี้จริงหรืเปล่าไม่รู้ แต่คนที่ไม่จนก็มีโอกาสจ่ายไม่แพง
สวัสสดีครับวันนี้ผมอยากจะมาเล่าถึงคำว่า "คนจนมันแพง" คำนี้ผมได้ยินมาจากหลายๆที่ในโลกอินเทอร์เน็ต มีบทความเขียนออกมามากมาย วีดีโอทำออกมาอีกเพียบ คำว่าคนจนมันแพง มันเปรียบเทียบระหว่างคน 2 กลุ่มที่มีกำลังการซื้อของในปริมาณที่ต่างกัน ซึ่งการซื้อของในปริมาณที่ต่างกันนี่แหละ ส่งผลให้ราคาต่อหน่วยของสินค้านั้นๆ ถูกลงไปอีก ยกตัวอย่าง่ายๆ
กระดาษทิชชู่ คุณรู้หรือไม่ว่าหากคุณซื้อกระดาษทิชชู่ 1 ม้วน จะแพงกว่าราคาเฉลี่ยของ กระดาษทิชชู่ 1 แพ็ค เช่น กระดาษทิชชู่ 1 ม้วนราคา 15 บาท แต่หากคุณซื้อ 1 แพ็ค 6 ม้วน ราคา 60 บาท ถ้าเอาราคากระดาษทิชชู่จากที่เป็นแพ็ค มาเฉลี่ยเท่ากับกระดาษทิชชู่ราคาเพียง 10 บาทต่อม้วนเท่านั้น
แล้วแบบนี้ทำไมคนเราถึงไม่ซื้อ 1 แพ็คละในเมื่อมันถูกกว่าเห็นๆ นั้นก็เพราะว่า คนแต่ละคนมีกำลังทรัพย์ไม่ต่างกัน ชาย 2 คนที่มีเงิน 60 บาท ชายคนหนึ่งจำเป็นต้องใช้เงินนี้เป็นสัมดาห์ แต่อีกคนหนึ่งเขาไม่เดือดร้อนหากเงิน 60 บาทนี้หายไป เขาก็ยังมีเงินอื่นๆอยู่ แนะนั้นทำให้ชายคนแรกไม่สามารถซื้อกระดาษทิชชู่ เป็นแพ็คได้เพราะจะทำให้เงินที่เขามีหมดไป เขาจึงจำเป็นที่จะซื้อเพืยง 1 ม้วนในราคา 15 บาท และนำเงินที่เหลือไปบริหาร จัดการต่อไป
สิ่งของที่นิยมนำมาเปรียบเทียบถึงเรื่อง "คนจนมันแพง" มักจะเป็นของที่เก็บไว้ได้นาน(ไม่เสียหายไปตามกาลเวลา) ซื้อในประมาณมากๆ จะยิ่งถูก เช่น กระดาษทิชชู่ ผงซักฟอก น้ำดื่ม เป็นต้น
สำหรับผมแล้ว ผมไม่รู้หรอกนะว่า คนจนมันแพงหรือเปล่า ผมขอไม่พูดถึง ผมขอเปรียบเทียบกับตัวเองในอดีต กับ ปัจจุบัน แล้วกัน ในอดีตผมคิดว่าผมบริการการเงินของตัวเองเรื่องนี้ได้ไม่ดีพอเท่าไร เลยนำมาเปรียบเทียบกับตัวเองในปัจจุบัน
วันนี้ผมได้ออกไปซื้อน้ำดื่ม ซึ่งน้ำดื่มสำหรับผม ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากต่อการดำรงชีวิตของผมเลยก็ว่าได้ ผมต้องดื่มน้ำเป็นประจำ ถูกบ้างแพงบ้าง ซื้อร้านสะดวกซื้อบ้าน ผมลองนึกถึงในอดีตในวันที่ผมซื้อน้ำดื่มจากร้านสะดวกซื้อ 600 มิลลิลิตร 1 ขวด ราคา ตั้งแต่ 7 บาท ไปถึง 10 บาท ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมดำรงชีวิตด้วยน้ำดื่ม แบบนี้ทุกวัน ถ้าผ่านไปสัก 2 สัปดาห์ ผมต้องจ่ายเงินไปเท่าไร สมมุติตีเล่นๆ ไม่ว่าผมจะดื่มกี่วันก็ช่าง แต่มาคิดว่าถ้าผมดื่มทุกวัน รวม 180 ขวด ราคาประมาณ 1,260 - 1,800 บาท จำนวนเงินจำนวนนี้หากค่อยๆ จ่ายๆ มันอาจจะดูไม่เยอะ แต่หากจ่ายพร้อมๆ กันก็เยอะอยู่นะ
นั้นคือผมในอดีต ในอดีที่ซื้อน้ำดื่ม ทีละเล็กละน้อย เพราะไม่เห็นความสำคัญของมูลค่าของสินค้า คิดว่าการทะยอยจ่ายแต่น้อยน่าจะสบายกว่า
แต่วันนี้ผมไดไปซื้อน้ำดื่ม เป็นน้ำแร่ยี่ห้อหนึ่ง (ตามรูปด้านล่างละกัน) ผมได้ทำการซื้อน้ำที่มีโปรโมชั่นจากการซื้อครั้งนี้คือ น้ำ 1 แพ็คมี 12 ขวด แถมอีก 3 ขวด ราคา 99 บาท ตกเฉลี่ยแล้วราคา 99/(12+3) = 6.6 บาท ต่อขวด (จริงๆแล้วเป็นนำแร่นะ ราคาจะสูงกว่าน้ำปกติอยู่)
และนอกจากนี้จะมีโปรโมชั้น ซื้อ 3 แพ็ค แถม 1 แพ็ค ว้าว มีแถมด้วย นั้นก็แปลว่าราคาเฉลียต่อขวดต้องลดลงอีกสิเนี้ย ผมก็เลยต้องซื้อเพิ่มเลย อย่างที่บอกในหัวผมคือ น้ำ ผมจำเป็นต้องกิน ซื้อทิ้งไว้มันก็ไม่เสียไม่หาย ถ้าเรารอซื้อวันหลัง ก็คงจะไม่ได้ราคานี้
ผมได้ซื้อน้ำแร่นี้มาเก็บไว้ เพราะว่าจะทำให้ราคาถูกลง และเก็บไว้ได้นาน ของไม่เสียไม่หายใดๆ จัดน้ำแร่ไป 12 แพ็ค ไดน้ำดื่ม น้ำแร่นี้ไป (12+3) x 12 = 180 ขวด
ก็เป็นอันว่าผมได้น้ำแร่ น้ำดื่ม มาไว้ในราคาที่ถูก จำนวนมาก
สำหรับราคาค่าน้ำดื่มอนี้ แพ็คละ 99 ซื้อ 9 แพ็ค ราคาเท่ากับ 99 x 9 = 891 บาท และเมื่อนำราคาน้ำทั้งหมด 891 มาหารจำนวนขวดทั้งหมดที่ได้มาคือน้ำดื่ม 180 ขวด จะเท่ากับว่าผมซื้อดื่มมาในราคาเฉลี่ย เพียง 891 / 180 = 4.95 บาทเท่านั้นเอง
หากลองมาคิดแบบราคาเต็มๆ ส่วนต่างหากซื้อน้ำดื่มทีละขวดที่ร้านสะดวกซื้อ จะตกในราคา 1800 - 891 = 909 บาท แน่นอนว่าประหยัดไปถึง 909 บาทเลยทีเดียว อย่าว่าแต่แต่ความต่างจากราคาเต็ม นอกนากนี้ราคาต่อขวดของผมถูกลงมามากกว่าการซื้อแบบทีละขวด เหลือเพียง 4.95 บาท เท่านั้น
แต่สำหรับผมแล้ว นอกเหนือจากการซื้อสินค้าปริมาณเยอะๆ เพื่อได้ราคาประหยัดๆ แล้วเงินที่ผมจ่ายเงินออกไปก็เป็นบัตรเครดิต เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินสดที่ตัวออกไปเสียอีก สำหรับข้อดีของการใช้บัตรเครดิตในการจ่ายเงินก็มีข้อดีคือ มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง หากเราใช้เป็นจ่ายยอดตรงตามที่กำหนดก็จะไม่เสียดอกเบี้ยใดๆ
สำหรับเงินสดที่ตัวนั้นมูลค่า 981 บาทนั้น ผมเองมีอยู่ที่ตัวอยู่แล้ว แต่ด้วยก็นำไปฝากไว้กับ ธนาคารออมทรัพย์ดอกเบี้ยก็ถือว่าสูงนิดนึงซึ่งก็ไม่ได้เยอะอะไร น่าจะได้ดอกเบี้ยเงินฝากเล็กน้อยๆ 0.01-0.05 บาทซะละมั้งสำหรับ เงินต้นเท่านี้
แต่อย่างไรก็ดีสำหรับผมมีน้ำดื่มในราคาที่ถูก และเงินก็ค่อยๆ จ่าย
สรุปแล้ว คนจนมันแพง ผมคิดว่าคนที่ซื้อของในราคาปลีก แน่นอนว่ามันก็ต้องจ่ายต่อหน่วยในราคาสูงกว่าแน่นอน และคนที่มีเงินจำกัดหรือไม่สามารถให้เงินหมดไปเป็นก้อนๆ ได้ ก็คงจำเป็นจะต้องซื้อของที่มันแพงกว่า
4 ความคิดเห็น
ไอ เพื่อน สี่
14 ม.ค. 2564 11:29 น.Word Afwan
25 ก.ค. 2563 16:27 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
24 ก.ค. 2563 22:34 น.Arun Tongprom
9 ก.ค. 2563 13:11 น.