ท้าหนาวที่ยอดดอยม่อนจอง กับทุ่งหญ้าสีทองที่ อ.อมก๋อย
เมื่อพูดถึงเชียงใหม่ ใครๆก็จะนึกถึง ดอยอินทนนท์ กิ่วแม่ปาน หรือ ว่า ม่อนแจ่ม แต่ดอยที่จะพูดถึงนี้จะอยู่ไกลจากตัวเมืองไปสักหน่อย อยู่ที่ อำเภอ อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ เริ่มเดินทางจากกรุงเทพด้วยสายการบินแอร์เอเชีย โดยเลือกไฟล์ทช้าสุดของเที่ยวบินนี้เวลา 9:42 PM เพื่อที่จะไปพัก 1 คืนที่เมืองเชียงใหม่
เดินทางครั้งที่ก็ไม่พลาดที่จะพกบัตรเครดิตกรุงเทพ Airasia ไปด้วย เพราะสะดวกสะบายมาก มีทั้งช่องทางด่วน (Express) ทำให้ไม่ต้องต่อแถวนาน เมื่อขึ้นเครื่องยังได้รับน้ำดื่ม 1 แก้ว เพียงแค่ยื่นบัตรโดยสาร พร้อมบัตรเครดิตให้พนักงาน
เมื่อไปถึงสนามบินเชียงใหม่ ก็ไปรับกระเป๋าที่สายพาน และออกไปเรียก Taxi เพื่อไปยังที่พัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักจากสนามบิน พอเดินออกไปจากประตูก็จะมี Taxi มายืนเรียกลูกค้า ซึ่งมีคุณป้าคนหนึ่งเดินมาหาเรา และบอกว่า taxi ที่นี่เริ่มต้น 150 บาท เลยเลือกที่จะใช้บริการของคุณป้าแทนการเรียก Grab taxi เพราะดึกแล้วอยากรีบๆเข้าที่พักแล้ว
เราตั้งใจที่จะเลือกที่พักที่ใกล้กับจุดขึ้นรถตู้ เพราะว่าได้จองรถตู้ไว้แล้ว เพื่อที่จะนั่งขึ้นไปยัง อ.อมก๋อย รถตู้จะไปส่งเราถึงที่เลยที่จุดหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอเพื่อติดต่อขอขึ้นดอยม่อนจอง รถตู่ก็ได้นัดเราไว้เวลาตี 5 จุดขึ้นรถตู้จะอยู่ที่หน้า ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ ต้องย้ำว่าต้องจองมาเพื่อความมั่นใจว่าเรามีที่นั่งแน่ๆ ถ้ามาโดยไม่ได้จองไว้ อาจจะไม่ได้ที่นั่งก็ได้
เมื่อรถตู้ออกเดินทาง จะแวะรับคนตามเส้นทางเรื่อยๆจนเต็มคัน โดยจะผ่านไปทาง ฮอด และไปยัง อ. อมก๋อย เพื่อไปยังจุดหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ ใช้เวลาโดยประมาณ 4 ชั่วโมง ออกเดินทาง 05.00 จะถึง จุดหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ ประมาณ 9โมงเช้าโดยประมาณ จริงๆสมาชิกทั้งหมดจะมีประมาณ 7 คน ซึ่งเรามาทางเครื่องบินก่อนแค่ 2 คน และจะมีสามาชิกตามมาเพิ้่มอีก 5 คน มาโดยรถทัวว์ นัดเจอกันที่ จุดหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ พอถึงได้ไม่นาน สมาชิกคนที่เหลือก็ตามมา ซึ่งตอนนั่งรถตู้มา มีน้อง 2 คน มากันเอง ขอไปด้วยกันเพื่อหารค่าใช้จ่ายในการเช่ารถ 4WD
ที่จุดหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ จะเป็นจุดเพื่อติดต่อขอขึ้นดอยม่อนจอง ทุกคนที่จะขึ้นดอยม่อนจองจะต้องมารวบตัวกันที่มี เพื่อลงทะเบียนขึ้นดอย เช่าอุปกรณ์กางเต๊นท์ ถุงนอน จ้างลูกหาบ และเช่ารถเพื่อขึ้นไปยังจุดเดินเท้าของดอยม่อนจอง
ทุกคนที่มาที่นี่จะต้องเตรียมอาหารการกินขึ้นไปเอง ด้านบนจะไม่มีร้านอาหารให้บริการแน่นอน เราก็ได้ทำการจองหมูกะทะไว้กับเพจ Facebook ของ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดอยม่อนจอง
ลูกหาบจะทำการชั่งน้ำหนักของที่เราจ้างเขาแบก โดยกิโลกรัมละ 30 บาท และนำไปขึ้นรถ 4WD ที่ต้องนั่งไปอีก 1 ชั่วโมง เพื่อไปยังจุดเดินเท้าของดอยม่อนจอง
ระหว่างนั่งรถ 4WD ทุกคนจะต้องจับให้มั่น เพราะว่าทางถือว่าขรุขระพอสมควร และ ตลอดทางจนถึงจุดเดินเท้า
เมื่อถึงจุดเดินเท้าดอยม่อนจอง ทุกคนก็เริ่มเตรียมตัวแบกสัมภาระของตัวเอง ลูกหาบยังเดินเร็วกว่าเราที่มีเพียงเป้ของตัวเอง ระหว่างทางเดินจะเป็นเขา มีทั้งทางขึ้นที่ชัน หรือว่า เนินลง ระยะทางที่ต้องเดินไปถึงจุดกางเต๊นท์ประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4 ชั่วโมง แบบพักเป็นระยะๆ
เมื่อเดินเท้ามาซักพักก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีความ "เหนื่อย" เข้ามาเป็นเพื่อน หอบเป็นระยะ เนื่องจากเส้นทางเป็นทางเขามากกว่าทางราบ รวมถึงกระเป๋าที่แบกขึ้นมาด้วยเริ่มส่งผลกระทบ หลังจากเดินเท้ามาประมาณ 2 กิโลเมตร จะเจอเนินหินใหญ่ๆ มีคนต่อคิวเพื่อขึ้นไปถ่ายรูปแยู่หลายกลุ่ม ถึงแดดจะร้อน เนื่องจากเริ่มเดินตอนเที่ยง ทุกคนก็ยังสู้ในการถ่ายรูป จุดนี้เรียกว่า ภูหินช่อ
พอเดินต่อมาเรื่อยจะเห็นภูเขาสีทองกว้างๆ น่าจะเรียกว่า "ลานทุ่งหญ้าสีทอง" ถ้าเดินขึ้นไปที่เขาลูกนี้จะมีป้ายเขียนว่า "สนามกอล์ฟช้าง" ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่จะมีทางแยกไปสองทาง คือ ทางซ้ายจะเดินเลาะไปข้างๆเขา จนถึงจุดพักแรม แต่ถ้าเลี้ยวขวาไปจะเป็นเส้นทางไปยังยอดหัวสิงห์ที่เป็นจุดสูงสุดของดอยม่อนจอง
ซึ่งตอนถึงจุดพักจุดนี้เราได้พักนานไปหน่อย ละมีน้องขึ้นไปก่อนเลือกไปทาง ซ้ายที่ไปยังจุดพักแรม เมื่อเราเริ่มออกเดินทางก็เห็นน้องหายไปแล้ว ละมีพี่ตะโกนบอกว่ามีน้องเดินไปทางซ้าย เราก็ไม่เห็นว่าทางซ้ายมันเดินไปตรงไหน กลิ้งตกเขาไปหรือเปล่านะ เลยพยายามขึ้นไปทางยอดดอย ซึ่ง ชันมากสำหรับการมีสัมภาระด้วย เมื่อเริ่มเดินแล้วก็ไม่สามารถหยุดได้จนกว่าจะถึงยอด ทรงตัวยากมาก เมื่อมาถึงด้านบนก็จะมีป้ายบอกว่าคือ "สนามกอล์ฟช้าง" พี่ที่ขึ้นมาก่อนก็เจอกับทหาร ที่เขามานำทาง เขาบอกว่ามี 2 ทางที่ไปจุดพักแรมได้
ที่จุดพักแรมจะมี 2 zone คือ ด้านบน กับด้านล่าง เราก็ได้เลือกพักด้านบนกัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็พักกันที่ด้านบน ส่วนด้านล่างจะอากาศเย็นกว่า เพราะอยู่ติดกับลำธาร
ที่จุดการเต๊นท์ เมื่อไปถึงลูกหาบก็ได้กางเต๊นท์ให้เราเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั่งพักก็ขึ้นไปแถ่ายรูปแสงเย็น กันที่ สนามกอล์ฟช้าง และลงมาทานหมูกะทะกัน ที่ลูกหาบก่อไฟไว้ให้เรา
หลังจากทานกันเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันเข้านอน เพื่อตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันตอน 6 โมงเช้า
เราก็ได้แบกสะเบียงกันขึ้นไปนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งหนาวมาก ประมาณ 10 องศา และมีลมพัดที่ยอดดอย
ประมาณ 8-9โมงเช้าคนก็เริ่มทะยอยกันลงจากดอย ซึ่งเราต้องเดินลงไปยังจุดเริ่มเดินเท้า เพื่อขึ้นรถ 4WD กลับไปยัง จุดหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ ขาลงใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงจุดจอดรถ
*** "ดอยม่อนจอง" จะเปิดให้ขึ้นแค่ในช่วงเดือน พฤศจิกายนจนถึง 15 กุมภาพันธ์ ของทุกปี หลังจากนั้นจะปิดเพื่อให้ป่าฟื้นฟู
6 ความคิดเห็น
มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
15 ก.ย. 2563 22:26 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
15 ส.ค. 2563 22:57 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
27 ก.ค. 2563 22:46 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
25 ก.ค. 2563 22:18 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
23 ก.ค. 2563 22:40 น.Pim Pim
5 ก.ค. 2563 15:46 น.