ทริปเที่ยว เกาะช้าง จังหวัดตราด ชายหาดสวย ดำน้ำดูปะการัง
วันนี้ yimzone จะมามาเที่ยว เกาะช้าง จังหวัดตราด เที่ยวชมเกาะที่มีชายหาดสวย ดำน้ำดูปะการัง พักโรงแรมที่น่าสนใจๆ บนเกาะ โดนจะรวบรวมเรื่องราวต่างๆ มาเล่าให้ฟัง เป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าสนุก น่าสนใจเป็นอย่างมาก
สำหรับการท่องเที่ยวทริป เกาะช้าง จังหวัดตราดนี้ เป็นทริป 3 วัน 3 คืน โดนออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ช่วง 18.00 น. ของวันศุกร์ ก่อนจะกลับถึงกรุงเทพฯ ในวันจันทร์ถัดมาที่เวลา 19.00 น. โดยปรมาณ สำหรับพนักงานออฟฟิตอย่างเราก็ต้องลาวันจันทร์ 1 วันเพื่อท่องเที่ยวทริปนี้ เรามาทำความรู้จักกับเกาะล้านแบบสังเขปกันสักเล็กน้อยกับข้อมูลด้านล่างครับ
ประวัติ เกาะช้าง
สำหรับ อุทยานแห่งชาติหมู่ เกาะช้าง หรือที่นิยมเรียกกันจนติดปากว่า เกาะช้าง นั้นตั้งอยู่ในเขตแหลมงอบ จังหวัดตราด และเป็นจังหวัดชายแดนภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยเกาะช้างนับว่าเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 ในทะเลอ่าวไทย และเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศรองลงมาจากเกาะภูเก็ต มีพื้นที่รวม 268,125 ไร่ จากลักษณะการเรียงตัวกันของบรรดาหมู่เกาะน้อยใหญ่รวมกว่า 52 เกาะ มีลักษณะคล้ายกับรูปโขลงช้างเดินเรียงตัวกัน จึงเป็นสาเหตุให้เรียกหมู่เกาะแห่งนี้ว่า เกาะช้าง โดยลักษณะส่วนใหญ่ของเกาะช้างมีภูมิประเทศที่เป็นเขาสูง มีผาหินสลับซับซ้อน มียอดเขาที่สูงที่สุด คือ ยอดเขาสลักเพชร อีกทั้ง เกาะช้าง ยังมีสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์ และเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะเป็นป่าดิบเขาทำให้เกิดเป็นน้ำตกหลายสายขอบคุณที่มา : https://www.sanook.com/travel/946890/
สำหรับทริปนี้เริ่มวันศุกร์หลังจากเลิกงาน เราก็เตรียมตัวเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดตราด โดยช่วงออกจากกรุงเทพฯ ก็จะเป็นช่วงที่ทุกคนในกรุงเทพฯทราบถึงสภาพการจราจรว่ามันติดขัดสักหน่อย กว่าจะออกพ้นตัวกรุงเทพฯได้ใช้เวลานานอยู่ การเดินทางด้วยรถส่วนตัวทำให้ง่ายขึ้นต่อการเดินทาง ไม่เหนื่อยหน่าย หิวก็แวะหาของกิน ห้องน้ำก็แวะได้หากต้องการ
หลังจากเดินทางมาถึง จ.ตราด ก็จะเป็นช่วงเวลาที่ดีกๆ ของคืนวันศุกร์ เราได้จองที่พักที่ราคาเบาๆ เพราะเรานอนเพียงคืนเดียว ก่อนที่เข้าจะเช็คเอ้าท์ออกไปขึ้นเรือ สำหรับคืนแรกเราเข้าพักที่ พาราดิโซ บูติค รีสอร์ท (Paradiso Boutique Resort) พอดีเราได้จองโรงแรมนี้ออนไลน์มาแล้ว มาถึงก็เช็คอิน จ่ายค่ามัดจำเล็กน้อย ก่อนจะเข้าพัก
เมื่อเข้าพักพาราดิโซ บูติค รีสอร์ท แล้วเราก็อาบน้ำเตรียมตัวพักผ่อน ไม่ได้ออกไปไหน เพราะว่าพรุ่งนี้จะต้องตื่นเช้า และไปหาที่เที่ยวก่อนจะเดินทางไปขึ้นเรือเพื่อไปเกาะช้าง สำหรับที่พักที่นี่ราคาไม่สูงมาก บรรยากาศเงียบสงบ ออกแนวๆมืดๆ นิดนึง แต่มีไปเปิดเป็นระยะ ถามว่าวังเวงไม๊ มันก็ออกจะนิดนึง เพราะวังเวงนี่แหละเลยได้ความส่วนและเป็นส่วนตัวไปด้วย
เข้าวันถัดมาเป็นเช้าวันเสาร์ เราเช็คเอ้าท์ออกจาก พาราดิโซ บูติค รีสอร์ท พร้อมกับได้ค่ามัดจำคืน เมื่อออกเดินทางแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวแรกคือ หาดทรายดำ เราแวะไปชม สวนป่่าประชารัฐเพื่อความสุขของคนไทย หาดทรายดำ 1 เดียวในเมืองไทย สำหรับชื่อหาดทรายดำ ก็ตามชื่อเลยครับ มันเป็นหาทราย แต่โดยปกติทรายจะมีสีขาว แต่ทรายที่นี่จะเป็นสีดำ
สำหรับหาดทรายดำ จะมีพื้นเป็นป่าชายเลน โดยจะมีเส้นทางสะพานไม้ให้เราเดิน เมื่อเดินไปบนสะพานป่าชายเลน ก็ได้จะได้ชมธรรมชาติของป่าชายเลน มีป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่กับป่าชายเลนแห่งนี้ และเมื่อเดินไปสุดสะพานก็จะพบแหล่งท่องเที่ยว หาดทรายดำ หลังจากที่ไปถึงตอนแรกผมได้มองไปที่หาดทรายดำ ตอนแรกเห็นสีดำผมเข้าใจว่ามันคือโคลนหรืออะไรทำนองนี้ จนไม่กล้าจับ (กลัวเปื้อน) แต่เมื่อเพื่อนๆที่ไปด้วยกันลองจับ แล้วผมเองก็ได้จับทรายสีดำด้วย ถึงรู้ว่ามันคือทรายจริงๆ มันไม่เปื้อนเพียงแต่ปัดมันก็หลุดออกจากมือแล้ว ก็นับว่าเป็นอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย กับหาดทรายดำ
หลังจากที่เดินดูทรายดำ ที่หาดทรายดำเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางออกมาด้วยเส้นทางสะพานป่าชายเลน อีกทางหนึ่ง ก็ได้ชมบรรยากาศ สวยๆ เหมือนขาเข้าไป และกลับมาที่จุดจอดรถ และจากจุดนี้เราก็ได้แวะหาข้าวรับประทานระหว่างเดินทางไปขึ้นเรือ
หลังจากที่หาข้าวเช้าทานเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ได้ขับรถต่อมาที่ท่าเรือ Koh Chang Ferry อ่าวธรรมชาติ แล้วก็ได้นำรถยนต์ตัวบุคคล ขึ้นเรือไปยังเกาะช้างด้วย สำหรับอัตราค่าบริการ 440 บาท ด้วยรถ 4 ล้อ 1 คัน กับคน 4 คน
- ค่าตั๋วเรือเฟอร์รี่ข้ามไปเกาะช้าง 80 บาท/คน/เที่ยว
- ค่าตั๋วเรือเฟอร์รี่ข้ามไปเกาะช้างสำหรับรถ 4 ล้อ 120 บาท/คัน/เที่ยว
- ระยะเวลาในการเดินเรือ 30 นาที
- ระยะเวลาในการรอเรือไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากเรือออกไม่เป็นเวลา
หลังจากที่เราขึ้นเรือเรียบร้อย เราก็ออกจากรถ และมานั่งพักผ่อนบนเรือ สำหรับเรือมี 3 ชั้น ชั้นแรกสำหรับจอดรถต่างๆ ชั้นที่ 2 เป็นบริเวณชั้นผู้โดยสาร มีร้านค้าขายขนม ชา กาแฟ ต่างๆ ส่วนชั้นที่ 3 นั้นเป็นชั้นชมวิวสำหรับผู้โดยสาร โดยผู้โดยสารสามารถเลือกที่นั่งหรือที่ชมวิวแต่ละชั้นได้ตามใจชอบเลย
หลังจากขึ้นเกาะช้าง ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. พวกเรายังไม่สามารถเข้า เช็คอินโรงแรมที่จองไว้ไม่ได้เลยแวะไปหาที่ีเที่ยวในเกาะก่อน โดยเริ่มจาก พระตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สำหรับจุดนี้เป็นจุดชมวิว ชมทะเลที่สวยอีกจุดหนึ่ง โดยจะมีทางรถขึ้น หรือหากจะเดินขึ้นก็ได้ หากเดินขึ้นจะชันนิดหนึ่งเพราะทางชันมาก แต่มีเก้าอี้วางไว้ตลอดทางให้นั่งพัก ระยะทางก็ไม่ไกลมาก ประมาณ 50 เมตร เท่านั้นเอง
หลังจากชมวิวสักพักเราก็เลือกไป เดินป่าชมน้ำตก ที่น้ำตกคลองพูล (Khlong Phlu Waterfall) น้ำตกคลองพลูเป็นน้ำตก น้ำจืดที่อยู่บนเกาะช้าง ซึ่งการเดินทางเข้าไป จะต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 600 เมตร จากจุดจอดรถ ที่นี่มีร้านค้าขายอาหาร เครื่องดื่ม และห้องน้ำ ไว้ให้บริการ สำหรับการเข้าน้ำตก ที่นี่จะมีกฎระเบียบค่อนข้างเคร่งครัดครับ อาหาร นำเข้าไปไม่ได้ อะไรที่เป็นพลาสติก เอาเข้าไมได้ ขวดแก้วก็นำเข้าไม่ได้
แนะนำให้ถามเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าทางเข้าครับ ผมเองดันไปถามแม่ค้าว่าสปอร์เซอร์(ขวดแก้ว) เอาเข้าได้หรือเปล่า แม่ค้าบอกได้ แต่พอเดินผ่านเจ้าหน้าที่เขาบอกไม่ได้ สรุป ต้องยกดื่มหมดตรงนั้นเลย
สำหรับเส้นทางเดือนไปน้ำตกสวนพลู เป็นทางคดเคี้ยว ลาดชัน ทางเดินเป็นหิน มีจุดพัก หรือศาลาริมทางเป็นพักๆ การเดินทางแค่ 600 เมตร แต่ก็เหนื่อยเหมือนกันเพราะทางขรุขระมาก เมื่อไปถึงน้ำตก พบว่า มีเจ้าหน้าทีกำลังทำการปรับปรุงทำป้าย ทำราวกันทางเดินไว้ บางจุดก็นำหินมาถม ทำเป็นทางให้นักท่องเที่ยวเดิน ตัวน้ำตกเองก็เป็นสายเล็กๆ ใหลลงมาจากที่สูง ด้านล่าง สามารถว่ายน้ำเล่นได้ ตัวน้ำเย็นมากสมเป็นน้ำตก (แต่แดดก็ร้อน) ในจุดที่ลึก จะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ เพื่อช่วยนักท่องเที่ยวกรณีมีเหตุฉุกเฉิน และค่อยกันไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปจุดที่เสี่ยง
หลังจากออกจากน้ำตกคลองพลู แล้ว ก่อนจะเข้าพักที่โรงแรมที่จองไว้ ระหว่างทางก็แวะกินข้าวเที่ยงกัน โดยหาร้านส้มตำทานกัน แต่วันที่พวกเราไปไม่รู้เป็นอะไรร้านอาหารเปิดน้อยมากเลย หรือเขารอเปิดกลางคืนก็ไม่รู้นะ แต่หลังจากขับรถวนหาร้านส้มตำ เรากแวะที่ร้านริมทางร้านหนึ่งแล้วก็แวะรับประทานส้มตำสมใจ
ร้านส้มตำร้านนี้ ถือว่าอาหารอร่อยใช้ได้อยู่ แต่ข้าวสวย ข้าวเหนียว ไม่ค่อยร้อนเท่าไร จริงๆเราสั่งอาหารมาหลายอย่าง แต่ขอลงสัก 1-2 รูปพอเป็นตัวอย่างละกันครับ
พวกเราก็เดินทางเข้าเช็คอินที่โรงแรม Coral Resort Koh Chang เข้าที่พักอาบน้ำ พักผ่อน ต้องบอกว่ากลับมาช่วงบ่าย 3 กลับที่พักแล้วนอนหลับไป 1 งีบเล็กๆ ในหนึ่งก็เหนื่อยจากการเดินทาง การเที่ยวการเดินทางไปน้ำตก แต่ใจหนึ่งก็อยากออกไปหาที่เที่ยวต่แ แต่ความเหนื่อยก็ทำให้เรางีบหลับไปเบาๆ ก่อนจะตึ่นมาเพื่อออกไปขับรถเล่นชมวิวรอบเกาะช้าง
ที่พัก Coral Resort Koh Chang ที่เราเข้าพัก เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปห้องมาให้ดู ได้แต่ห้องข้างๆ ที่ถ่ายติด ตอนถ่ายวิว เลยมีมาให้ดูแบบเล็กน้อยไปก่อนครับ
หลังจากเก็บของเข้าที่พัก พักผ่อนเล็กน้อย เราก็ออกมาหาทัวร์ดำน้ำ เพราะว่าเราไม่ได้เตรียมจองมาสำหรับการดำน้ำ ก็เลยออกไปจองทัวร์ดำน้ำในวันพรุ่งนี้ การจองทัวร์ดำน้ำมีหลายทัวร์ไว้รองรับ แต่สำหรับพวกเราแล้ว ยังมือใหม่ไม่รู้เหมือนกันว่าทัวร์ไหนดีทัวร์ไหนเด็ด ได้แต่เลือกตามการเดาสุ่ม จนไปพบกับทัวร์ของบริษัท เพิ่มพูลทรัพย์ ทางทัวร์มีการนำเสนอ หลากหลายรูปแบบ เช่น ดำน้ำ 4 เกาะ บ้าง ดำน้ำ 5 เกาะบ้าง ในราคาต่างๆ ซึ่งพวกเราเองก็ตัดสินใจเลือกเหนื่อยให้เต็มที่เลยละกัน ก็คือดำซะทั้ง 5 เกาะเลยละกัน ซึ่งทางผู้แนะนำแจ้งว่า เป็นการดำน้ำ 3 เกาะ และพักชายหาดอีก 2 เกาะ แต่สำหรับก็โอเค สนุกแน่นอน
เมื่อเลือกได้เราก็ทำการจ่ายเงินค่าทัวร์เป็นเงิน 1,400 บาท รวมค่าเข้าอุทยานแล้ว กับคน 4 คน ก็ตกคนละ 700 บาท ราคานี้ก็โอเค สมเหตุสมผลนะ ซึ่งทางทัวร์จะส่งรถมารับเราที่รีสอร์ท Coral Resort Koh Chang ซึ่งเป็นที่พักของเรา ในช่วงเช้าเวลาประมาณ 8.30 น. เพื่อมาขึ้นเรือใหญ่ในเวลา 9.00 น.
หลังจากได้ทัวร์แล้ว เราก็ออกมาขับรถหาอะไรจุกจิกกิน จริงๆตั้งใจจะไปหากาแฟ หรืออะไรเย็นๆ ทานแก้ร้อนสักหน่อยแล้วก็ได้มาเจอจุดชมวิว ที่สวยงามเห็นมุมสูงของทะเล ได้อย่างสวยงามทีเดียว
หลังจากนั่งทานอะไรเย็นๆ ชมบรรยากาศ ก่อนที่เราจะกลับไปพักผ่อนที่รีสอร์ท ตอนแรกตั้งใจจะเล่นน้ำทะเล แต่ที่รีสอร์ท ไม่มีมุมที่เหมาะเล่นน้ำเท่าไร ส่วนมากเป็นโขดหิน มีสระว่ายน้ำไว้บริการ
เก็บมาฝากกับวิวสระน้ำ ยามพระอาทิตย์ตกของโรงแรม Coral Resort Koh Chang ที่รีสอร์ทนี้ ลูกค้าสามารถมานั่งเล่นริมสระได้ มีที่นอนไม้รองรับลูกค้า ใครอยากจะเล่นน้ำในสระก็สามารถเล่นได้ เท่าที่สังเกตไม่ค่อยเห็นลูกค้าคนไทยเท่าไร ต้องบอกว่าพวกผมเป็นลูกค้าคนไทยกลุ่มเดียว (เท่าที่เห็นนะ)
ตกเย็นเราออกไปหาอาหารยามเย็นกันกันที่ร้านอาหารเจ้อิ๋วซีฟู้ด เป็นร้านที่มีทั้งโซนในร่มและโซนด้านนอกซึ่งเป็นโต๊ะหินอ่อนนั่ง ซึ่งวันนั้นพวกเราเลือกโต๊ะหินอ่อนนั่งรับประทานอาหารกัน อาหารทะเลที่นี่อร่อยใช้ได้เข้าเกฑณ์มาตรฐาน ร้านบนเกาะ ที่ล้อมรอบไปด้วยทะเล เมนูหลักที่ผมชอบ ก็คือข้าวผัดปู ส่วนที่เหลือก็ตามรูปเลย
ภาพอาหารที่เราสั่งมารับประทานในคืนนั้น ต้องบอกว่าที่ถ่ายมานี้ยังมาไม่ครบเท่าไร พอดีรีบถ่ายมากไปหน่อย พออาหารมาครบก็หิวเลย รีบกินจนลืมถ่ายรูปเลยละ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เราก็เดินทางกลับที่พัก โรงแรม Coral Resort Koh Chang กลับไปพักผ่อน นอนหลับ ต้องยอมรับว่าเหนื่อยและเพลียกับการเดินทานท่องเที่ยวมาทั้งวันเลย เป็นการสิ้นสุดกิจกรรมของวันเสาร์ เต็มวันเลย
เริ่มวันใหม่กับวันอาทิตย์ วันนี้เราตื่นเช้าออกมารับประทานอาหารที่ทางรีสอร์ท Coral Resort Koh Chang จัดเตรียมไว้ให้ เป็นอาหารที่มีทั้งข้าว อาหารคาวหวาน ขนมปัง ไข่ดาว ทั้งเมนูแบบไทย และแบบฝรั่ง ส่วนผมเองก็ขอแซนวิช แฮม ฮ๊อทด๊อก ไข่ดาว สักหน่อยก็พอแล้ว (ในรูปแค่จานแรก จริงๆผมจัดไปเยอะ เพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายพร้อมลุยดำน้ำในวันนี้)
พออิ่มเราก็ทำการเช็คเอ้าท์ออกจากรีสอร์ทที่เราพัก แล้วเอาสัมพาระมาเก็บไว้ที่รถยนต์ส่วนตัว ถึงแม้จะเช็คเอ้าท์แล้วแต่เรายังคงฝากรถไว้กับรีสอร์ทก่อน เพราะเราต้องไปดำน้ำกันนั่นเอง และจะกลับมาเอารถอีกทีเมื่อดำน้ำเสร็จ
รถจากเพิ่มพูลทรัพย์มารับเรา แล้วพวกเราก็เดินทางไปขึ้นเรือ และออกเดินทางไปดำน้ำตามเกาะต่างๆ เรานำโบรชัวร์จากเพิ่มพูลทรัพย์ มาเผื่อใครสนใจ
พวกเราเริ่มเดินทางด้วยเรือลำใหญ่ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาทีเพื่อไปถึงเป้าหมายซึ่งประกอบไปด้วย เกาะยักษ์ใหญ่ อุทยานแห่งชาติเกาะช้าง เกาะยักษ์เล็ก เกาะรัง และเกาะมะปริง โดยระหว่างทาง พี่ๆที่อยู่เรือก็จะแนะนำตัวเองบอกให้นักท่องเที่ยวรู้จักชื่อ แจ้งกิจกรรมทั้งวันคร่าวๆ มีบริการอาหารกลางวัน และกาแฟฟรี สอนการใส่เสื้อชูชีพ สอนการใช้สนอกเก้อร์ สอนการหายใจทางปากเป็นการเบื้องต้นให้นักท่องเที่ยวได้รู้วิธีการใช้
โดยเมื่อไปถึงแต่ละเกาะ ก็จะลงจากเรือมาดำน้ำจะมีพี่ๆ แต่ละคนพานักท่องเที่ยวไปยังจุดต่างๆ บางท่านให้นักท่องเที่ยวเกาะเสื้อชูชีพแล้วพี่ๆลากเสื้อชูชีพ ทำให้นักท่องเที่ยวได้เห็นใต้น้ำและไม่ค่อยเหนื่อยจากการว่ายน้ำนั่นเอง
บางเกาะเราก็เดินเล่นริมชายหาด เป็นการพักผ่อนจากการว่ายน้ำและดำน้ำ ซึ่งสำหรับผมชอบที่จะว่ายเองดำน้ำเอง เลยทำให้ต้องเหนื่อยอยู่เหมือนกันครับ การได้เดินเล่นริมชายหาด มันก็เป็นการพักผ่อนที่ดีทางหนึ่งเลยนะที่ผมเข้าใจได้
เราใช้เวลาในการดำน้ำตั้งแต่เรือออกจากท่าเรือ 9.00 น. จนถึง 16.30 น. คือเรือกลับถึงท่าแล้ว เราก็กลับไปยังรถของทัวร์เพื่อที่จะให้เขากลับไปส่งเรายังโรงแรมหรือรีสอร์ทที่รับเรามาตอนเช้า
พอเรากลับถึงรีสอร์ทเราก็ได้เดินทางมายังโรงแรม AANA Resort & Spa, Koh Chang เราก็เช็คอินเข้าพักโรงแรม ทำการอาบน้ำ พักพ่อนสักพักก็เวลาค่ำ ได้เวลาออกมาหาอะไรทานสำหรับมื้อเย็นวันอาทิตย์แล้ว
สำหรับโรงแรมแห่งนี้จะไม่ติดกับตัวทะเลโดยตรง แต่จะมีทางออกไปยังทะเล ซึ่งทางโรงแรมมีเรือคายัค ไว้บริการหากใครต้องการออกไปทะเล ซึ่งทางโรงแรมมมีชายหาดส่วนตัวสำหรับลูกค้า เมื่อพายเรือคายักไปถึง หาดส่วนตัวแล้วสามารถเล่นน้ำหรือนอนพักได้ตามอัทยาศัยเลย
เป็นอันว่าเราเก็บของเรียบร้อย อาบน้ำเปลี่ยนชุดจากที่ไปดำน้ำออก ใส่ชุดหล่อชุดเท่ห์ประจำตัวแล้ว เราก็ออกไปหาอะไรทานเป็นมื้อเย็น แล้วพวกเราก็เลือกร้าน หนองบัวซีฟู้ด เกาะช้าง ร้านอาหารที่เราคิดว่าน่าสนใจในคืนนี้
แล้วคืนนี้เราก็สั่งเมนูที่เราอยากกินอีกตามเคย ได้มาหลายเมนู ซึ่งเราจะพยายามสั่งให้ต่างจากร้านแรกที่เราได้ไปใช้บริการเมื่อเย็นวันเสาร์ แต่สำหรับผมแล้วอย่างไรก็ขาดไม่ได้ ข้าวผัดปู ที่ผมชอบกิน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกเรากะว่าจะหาผับหรือร้านอาหารกลางคืนนั่งพักผ่อน แต่ด้วยความที่กับข้าวที่เพิ่งรับประทานเข้าไป มันอร่อยซะ จนเรากินไม่ยัง หนังท้องตึง หนังตาก็เลยเริ่มหย่อน เลยต้องเปลี่ยนจากร้านนั่งดื่มกลายเป็นมาพักผ่อนที่โรงแรมซะเลย นับเป็นสิ้นสุดกิจกรรมของวันอาทิตย์
เช้าวันจันทร์ วันนี้เราไม่มีแพลนไปไหน ได้แต่เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ วันนี้ผมเลยขอนอนให้เต็มอิ่มสุดๆ คือตื่นสายมาก สายชนิดที่ไม่ได้ลงไปรับประทานอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ จริงๆตื่นแล้วแต่ยังคงนั่งเล่นนอนเล่นบนห้อง เปิดทีวีดีโอ เปิดโทรศํพท์เล่น จนกระทั่งถึงเวลาเช็คเอ้าท์ ผมจึงเก็บของและออกจากโรงแรม AANA Resort & Spa, Koh Chang
ด้วยความหิวตอนเที่ยงเพราะไม่ได้ทานอาหารเช้าผมเลยต้องแวะใช้บริการข้าวในร้านสะดวกซื้อ 7-11 หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางมายังจุดขึ้นเรือเพื่อกลับไปยังจังหวัดตราด(ในเมือง)
ช่วงขึ้นเรือต้องยอมรับว่าคนเยอะมาก ตอนแรกเรามาต่อคิว นำรถขึ้นเรือ คิดว่าคงไม่ทันรอบนี้ แต่ยังโชคดีที่เรือสามารถบรรทุกเพิ่มได้ ทำให้รถของเราเป็นคนรองสุดท้ายที่ได้ขึ้นกลับฝั่ง
เมื่อเรือถึงฝั่งเราก็ขับรถกลับกรุงเทพฯ โดยระหว่างทางได้แวะรับประทาน เจ้เพ็ญ เย็นตาโฟ กุ้ง กั้ง จ.จันทบุรี
เย็นตาโฟที่นี่บอกได้เลยว่า กุ้งเป็นกุ้ง ตัวใหญ่ๆ กั่งเป็นกั่ง เส้นใหญ่ เส้นเล็กมีหมด ราคามีให้เลือกตั้งแต่ 50 - 200 บาท อย่างในรุปผมนี้ 200 บาทครับ ตอนแรกผมรู้สึกว่ามันน้อยแต่พอกินไปจริงๆ บอกได้เลยว่ามันเยอะมากจนผมกินแทบจะไม่หมดเลยด้วย
หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อ จนถึงกรุงเทพฯ และกลับถึงกรุงเทพฯประมาณ 18.00-19.00 น. ก็นับเป็นทริปเล็กๆ ที่น่าประทับใจอีกทริปสำหรับผม ที่ได้ไปเที่ยว และการเขียนรีวิวครั้งนี้ก็เป็นเรื่องราวที่อยากจะแบ่งปันและเก็บไว้เป็นที่ระลึกส่วนตัวด้วย
9 ความคิดเห็น
มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
16 ต.ค. 2563 18:43 น.Siri Siri
12 ก.ย. 2563 09:50 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
10 ส.ค. 2563 18:15 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
29 ก.ค. 2563 18:15 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
27 ก.ค. 2563 18:37 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
25 ก.ค. 2563 18:04 น.เหิน จันทรา
25 ก.ค. 2563 09:08 น.สองดอก จิก
27 ธ.ค. 2562 18:08 น.อาบิ๊ก ออย
15 ธ.ค. 2562 01:04 น.