การลงทุนแบบเศรษฐี ตอนที่ 2
เราทราบแล้วว่าเศรษฐีทั่วโลกนิยมแบ่งออกเป็น 3 ส่วนตามวัตถุประสงค์ของเงินแต่ละก้อน ในตอนนี้เราจะมาเจาะลึกถึงการลงทุนในเงินก้อนเก็บซึ่งเป็นเงินก้อนใหญ่และสำคัญของเรา
หลายคนคงคุ้นหูกับประโยคที่ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง และ เสี่ยงน้อยได้น้อยเสี่ยงมากได้มาก แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกคนย่อมอยากได้ผลตอบแทนที่มากที่สุด จึงเกิดคำถามว่าจะมีการลงทุนแบบไหนไหมที่เป็นแบบเสียงน้อยได้มาก การลงทุนแบบเสียงน้อยได้มากสามารถเป็นไปได้ โดยอาศัยกลยุทธ์การลงทุนแบบผสมผสาน ก่อนจะเจาะลึกถึงกลยุทธ์ เราต้องเข้าใจกันก่อนว่าความเสี่ยงในการลงทุนคืออะไร
ความเสี่ยงในการลงทุนคือความผันผวนหรือความคลาดเคลื่อนของผลตอบแทนที่ได้ เทียบกับผลตอบแทนคาดหวังเช่น หากการลงทุนชนิดหนึ่งระบุว่ามีผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปี โดยมีค่าความเสี่ยงที่ 15% นั่นหมายความว่ามีโอกาส 7 ใน 10 ของการลงทุนให้ผลตอบแทนอยู่ในช่วงบวกลบ 15% กล่าวคือมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงถึง 10 + 15 เท่ากับ 25 เปอร์เซ็นต์หรืออาจขาดทุนได้ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนเศรษฐีหลายคนลองปรับกลยุทธ์การลงทุนเป็นแบบผสมผสาน โดยใช้หลักการจับคู่การลงทุนตั้งแต่ 2 ประเภทขึ้นไป โดยคาดหวังในการลงทุนทั้งสองประเภทช่วยกันสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยง เช่นทุกครั้งที่ A ปรับลง B จะปรับขึ้นในขณะที่เท่ากันและหาก B ปรับลง A ก็จะปรับขึ้นในขณะที่เท่ากัน ดังนั้นหากเราแบ่งเงินเพื่อลงทุนใน A ครึ่งหนึ่งและ B ครึ่งหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นไปตามเส้นสีเขียว ในขณะที่ความเสี่ยงจากความผันผวนจะถูกหักลบกันไปเป็นศูนย์ การลงทุนแบบผสมผสานสามารถกระจายการลงทุนได้โดยพิจารณาความเสี่ยงใน 4 มิติด้วยการประกอบไปด้วย
1. มิติกลุ่มสินทรัพย์ สินทรัพย์แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะและความผันผวนที่ต่างกัน ดังนั้นการลงทุนที่ดี ควรกระจายไปตามสินทรัพย์ประเภทต่างๆเช่น ลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้หรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท
2. มิติภูมิภาค การลงทุนที่ดีควรมีการกระจายในเชิงประเทศหรือภูมิภาค เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในประเทศใดประเทศหนึ่งหรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งโดยเฉพาะ
3. มิติผู้จัดการกองทุน อย่างที่เราทราบผู้จัดการกองทุนแต่ละคนจะมีความเชี่ยวชาญในด้านที่แตกต่างกัน การลงทุนที่ดีควรมีการประสานความเชี่ยวชาญของผู้จัดการกองทุนที่หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงที่ผู้จัดการกองทุนรายได้รายหนึ่งลงทุนผิดพลาด
4. มิติด้านเวลา นักลงทุนที่ดีจะทยอยลงทุนเพื่อเป็นการถั๋วเฉลี่ยต้นทุน โดยไม่ลงทุนครั้งเดียวด้วยเงินทั้งก้อน
เมื่อเราทราบแล้วว่า เราควรกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ คำถามสำคัญอีกข้อคือ เราควรลงทุนในแต่ละสินทรัพย์มากน้อยแค่ไหน ปกติแล้วสัดส่วนของการลงทุนแต่ละสินทรัพย์นั้น จะขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทคนตามระดับความเสี่ยงออกได้เป็น 3 ประเภทคือ คนที่รับความเสี่ยงได้น้อย รับความเสี่ยงได้ปานกลางและรับความเสี่ยงได้สูง ซึ่งระดับความเสี่ยงที่รับได้จะเป็นตัวสะท้อนสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น
หากคุณเป็นคนที่รับความเสี่ยงได้น้อย คุณก็ควรเน้นไปที่สินทรัพย์ประเภทที่มีความเสี่ยงต่ำเช่น ตราสารหนี้ ในขณะที่คุณสามารถเปิดโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทที่มีความเสี่ยงสูง หากคุณรับความเสี่ยงได้มาก
จากสถิติการลงทุนย้อนหลัง 10 ปีจะเห็นว่า หากเราเลือกลงทุนแบบรับความเสี่ยงได้ปานกลางเราจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 8.1% ซึ่งต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นเพียง 1.6% ในขณะที่เราสามารถลดความเสี่ยงของพอร์ตได้เหลือเพียง 67%
ถึงตรงนี้จะเห็นว่า การเศรษฐีที่มีฐานะมั่นคงและใช้ชีวิตอย่างมีอิสรภาพได้นั้น เพราะเขารู้จักการจัดการกับความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ เศรษฐีรู้จักที่จะแบ่งเงินของตัวเองออกเป็น 3 ส่วนตามวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบถึงแนวทางการจัดการเงินแต่ละก้อน
เศรษฐียังรู้จักการกระจายการลงทุนในเงินก้อนเก็บ ไม่ให้กองอยู่ที่ใดที่หนึ่งเพื่อลดความเสี่ยงซึ่งคำนึงครอบคลุมทั้ง 4 ด้านและสุดท้าย เศรษฐียังเลือกที่จะกำหนดสัดส่วนของการลงทุนในแต่ละประเภทตามระดับความเสี่ยงที่เขารับได้
หากเราลองนำหลักการของเศรษฐีมาประยุกต์ใช้ จะทำให้เราลงทุนได้แบบเสี่ยงน้อยได้มาก แล้วเราก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่ใจหวังกับคนที่เรารักได้อย่างมีความสุข
2 ความคิดเห็น
มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
22 ส.ค. 2563 22:59 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
25 ก.ค. 2563 22:13 น.