การลงทุนแบบเศรษฐี ตอนที่ 1
หากเปรียบการดำเนินชีวิตเป็นเกม มันคงไม่ต่างอะไรนักกับเกมเศรษฐี เพราะทุกคนต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่จะมีความมั่นคงทางการเงินและก็รวยอย่างเศรษฐี อย่างไรก็ตามทุกการทอยลูกเต๋าคือความเสี่ยง หากโชคดีแล้วอาจเดินไปตรงช่องได้เงิน หรือหากโชคร้ายเพราะอาจต้องเสียค่าปรับได้ง่ายๆ ดังนั้นเราจำเป็นต้องมีการบริหารเงินที่ดี เพื่อรองรับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ อีกทั้งยังต้องคอยจัดการให้โอกาสเงินให้งอกเงย
การบริหารเงินทำได้หลายวิธี หากเลือกที่จะเก็บเงินไว้เฉยๆเงินของเราก็จะมีมูลค่าลดลงไปเรื่อยๆตามอัตราเงินเฟ้อ เช่น เมื่อก่อนเงิน 100 บาทซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ 5 ชาม แต่เวลาผ่านไปแต่จำนวนที่ซื้อได้กลับลดลงเรื่อยๆ จนเหลือ 2 ชามในปัจจุบัน หรือหากจะนำเงินไปฝากธนาคารเพื่อหวังชนะอัตราเงินเฟ้อ ผลตอบแทนที่ได้ก็อาจไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะจากสถิติที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยเงินฝากนั้นลดลงอย่างต่อเนื่องและบางช่วงชั้นต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้ออีกต่างหาก
ครั้นจะไปลงทุนช่องทางอื่น เช่นการเล่นหุ้นที่เป็นกระแสนิยมกัน ถ้าไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีก็อาจหมดตัวได้ง่ายๆ นั่นแหละเพราะการลงทุนทุกประเภทย่อมมีความเสี่ยง ผลตอบแทนที่มากก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถึงแม้หุ้น อาจจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินแต่หุ้นก็มีความเสี่ยงสูงต่อการขาดทุน
แล้วเราต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถลงทุนได้อย่างปลอดภัย เพื่อให้เราลงทุนได้แบบ เสียงน้อยได้มาก เพื่อให้เรามีอิสรภาพทางการเงินอย่างที่เศรษฐีทั่วโลกเขาเป็นกัน
โดยปกติแล้วเศรษฐีนิยมแบ่งสินทรัพย์ออกเป็น 3 ส่วนตามวัตถุประสงค์คือการออม เก็บและเก็งกำไร
ออมเงินส่วนออม เปรียบเหมือนเงินที่เราพกในกระเป๋าสตางค์เพื่อให้ใกล้มือและสามารถนำมาใช้ได้ตลอดเวลา เพื่อรองรับกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต เงินส่วนนี้เราจัดสรรอยู่ในรูปแบบสินทรัพย์สภาพคล่องสูง เช่นเงินฝากหรือกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นที่เน้นสภาพคล่องมากกว่าผลตอบแทน
เก็บเปรียบเงินก้อนในตู้เซฟ ที่เราต้องจัดสรรเพื่อผลตอบแทนระยะยาวและเน้นตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตในอนาคต เงินก้อนนี้จะต้องมีการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าในอัตราที่ชนะอัตราเงินเฟ้อทั้งต้องมีการควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
เก็งกำไร เปรียบเหมือนเงินในกระเป๋าเอกสารที่จัดสรรไว้เพื่อสร้างสีสันให้กับชีวิต จากการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนสูงหรือเป็นเงินที่กันสำรองสภาพคล่องไหว เพื่อรองรับโอกาส ที่อาจจะสร้างผลกำไรในระดับที่สูงในระยะเวลาสั้นๆได้เช่น การเก็งกำไรในที่ดิน การเพิ่มระดับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นหรือการเข้าร่วมลงทุนทางธุรกิจใหม่ๆ เป็นต้น ทั้งนี้เงินทั้ง 3 ส่วนอาจมีการปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคลได้
จากการสำรวจพบว่าเศรษฐีทั่วโลกส่วนมากเลือกที่จะแบ่งเงินทั้ง 3 ส่วนในสัดส่วน 20-60-20 การที่เศรษฐีแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วนนั้น จะเป็นการสร้างวินัยในการลงทุน เพราะเขาจะทราบอยู่เสมอว่าเงินก้อนไหนกำลังทำอะไรอยู่ ได้รับผลตอบแทนเท่าไหร่ อีกทั้งยังช่วยสร้างความอุ่นใจเพราะหากเงินลงทุนมีปัญหาหรือเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด เราก็ยังมีเงินเก็บเพียงพอเพื่อใช้ชีวิตได้อย่างไม่สะดุด
ถึงตรงนี้เราจะทราบหลักการเบื้องต้นในการบริหารเงินอย่างเศรษฐีแล้วในตอนหน้าก็จะมาเจาะลึกซึ้งการจัดการกับความเสี่ยงกันและจะมาค้นหาคำตอบว่าเสี่ยงน้อยได้มากเป็นไปได้จริงหรือ
6 ความคิดเห็น
Pepepe
12 มิ.ย. 2565 00:47 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
15 ส.ค. 2563 23:15 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
26 ก.ค. 2563 23:45 น.มึน เราะ เราชื่อ ตุ๊กตา.
23 ก.ค. 2563 23:10 น.Siwa Chong D-zinner
4 พ.ค. 2563 20:39 น.น้องอาร์มคับป๋ม น้องอาร์มคับป๋ม
24 พ.ย. 2562 08:06 น.